กำหนดช่วงวันสอบที่เราคิดว่าจะสะดวก แล้วคลิกที่ "Search"
การ กำหนด Start Test Date ห่างจาก End Test Date ไม่เกิน 60 วัน
16. เลือกสนามสอบและวันที่เราสะดวก
17. ยืนยันสนามสอบโดยการคลิก "Continue"
18. พบหน้า Select Score Recipients: Part 1 of 2 ให้กรอกรายละเอียดของสถาบันที่เราอยากให้ส่งคะแนนให้ (ไม่เกิน 4 แห่งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
19. พบหน้า Select Score Recipients: Part 2 of 2 ยืนยันสถาบันโดยการคลิก "Continue" หรือเพิ่มสถาบันการศึกษาโดยการคลิก "Add Another Score Recipient"
20. พบหน้า Score Reporting Preferences เลือก Web-accessible Score Report and a printed copy mailed to you คลิก "Continue"
21. พบหน้า Demographic Questions คลิก "Continue"
22. พบหน้า Order Summary คลิก "Checkout"
23. พบหน้า Select Payment Method กรอกรายละเอียด คลิก "Continue"
หากทำตามขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาโดยประมาณ 40 นาที่
วิเคราะห์การสอบ
TOEFL ( iBT)
จุดมุ่งหมายของ TOEFL
TOEFL เป็นข้อสอบที่ใช้ประเมินความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษของผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็น ภาษาที่สอง ในช่วงปี 2006 ประเมินว่าจะมีผู้ที่สมัครสอบข้อสอบ TOEFL กว่า 700, 000 คน จึงสามารถกล่าวได้ว่า TOEFL เป็นการสอบทางภาษาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด และข้อสอบ TOEFL ได้ใช้เป็นต้นแบบสำหรับข้อสอบอื่นรวมทั้งข้อสอบ CU-TEP, TU-GET, IELTS รวมทั้งข้อสอบภาษาอังกฤษของ ก.
1 เพื่อให้ครูแนะแนวเข้าใจผู้เรียนยิ่งขึ้น 1. 2 เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้จักและเข้าใจตนเองยิ่งขึ้น 1. 3 เพื่อนำผลการทดสอบมาวางแผนในการแนะแนว ป้องกันและพัฒนาส่งเสริมนักเรียนเป็นรายบุคคล
ประเภทของแบบทดสอบ
แบบทดสอบที่ใช้ทางการศึกษามีแตกต่างกันหลายประเภท ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกต่างกันดังนี้
1. จำแนกตามกระบวนการในการสร้าง จำแนกได้ 2 ประเภท คือ
1. 1 แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเอง (Teacher Made Test) เป็นแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเฉพาะคราวเพื่อใช้ทดสอบผลสัมฤทธิ์และความสามารถทางวิชาการของเด็ก
1. 2 แบบทดสอบมาตรฐาน( Standardized Test) เป็น แบบทดสอบที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการ หรือวิธีการที่ซับซ้อนมากกว่าแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเอง เมื่อสร้างขึ้นแล้วมีการนำไปทดลองสอบ วิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติหลายครั้ง เพื่อปรับปรุงให้มีคุณภาพดี มีความเป็นมาตรฐาน แบบทดสอบมาตรฐานจะมีความเป็นมาตรฐานอยู่ 2 ประการ คือ
1. 2. 1 มาตรฐานในการดำเนินการสอบ เพื่อควบคุมตัวแปรที่จะมีผลกระทบต่อคะแนนของ ผู้สอบ ดังนั้นข้อสอบมาตรฐานจึงจำเป็นต้องมีคู่มือดำเนินการสอบไว้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับผู้ใช้ข้อสอบ
1. 2 มาตรฐานในการแปลความหมายคะแนน ข้อสอบมาตรฐานมีเกณฑ์สำหรับ เปรียบเทียบคะแนนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า เกณฑ์ปกติ ( Norm)
2.
- Normalization คืออะไร ปรับช่วงข้อมูล Feature Scaling ด้วยวิธี Normalization, Standardization ก่อนเทรน Machine Learning - Preprocessing ep.2 - BUA Labs
- Ninja มือ สอง
- ซอส ฝา แดง
- Standardized test คือ c
- โหลด เพลง lost star
- ราคา นวด let's relax videos
- Bha คือ salicylic acid liquid
- Standardized test คือ 2
- ลิเวอร์พูล อาร์เซนอล ล่าสุด
- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
2 มาตรฐานในการแปลความหมายคะแนน
ข้อสอบมาตรฐานมีเกณฑ์สำหรับเปรียบเทียบคะแนนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ซึ่งเรียกว่า เกณฑ์ปกติ ( Norm)
แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้น
มีข้อดีตรงที่ครูวัดได้ตรงจุดมุ่งหมายเพราะผู้สอนเป็นผู้ออก
ข้อสอบเอง
แต่แบบทดสอบมาตรฐานมีข้อดีตรงที่คุณภาพของแบบทดสอบเป็นที่เชื่อถือได้
ทำให้สามารถนำผลไปเปรียบเทียบได้กว้างขวางกว่า
2. จำแนกตามจุดมุ่งหมายในการใช้ประโยชน์
จำแนกได้ 3
ประเภทดังนี้
2. 1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ (Achievement
Test) หมายถึงแบบทดสอบที่ใช้วัดความรู้ความสามารถ
ทักษะเกี่ยวกับวิชาการที่ได้เรียนรู้มาว่ารับรู้ไว้ได้มากน้อยเพียงไร
2. 2 แบบทดสอบความถนัด (Aptitude
Test) เป็นแบบทดสอบที่ใช้วัดความสามารถที่เกิดจากการสะสมประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาในอดีต
ส่วนมากใช้ในการทำนายสมรรถภาพของบุคคลว่าสามารถเรียนไปได้ไกลเพียงใด
แบบทดสอบวัดความถนัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
2. 1 แบบทดสอบความถนัดทางการเรียน (Scholastic
Aptitude Test) หมายถึงแบบทดสอบวัดความถนัดทางด้านวิชาการต่าง
ๆ เช่น ความถนัดทางด้านภาษา
ด้านคณิตศาสตร์เหตุผล
เป็นต้น
2. 2 แบบทดสอบความถนัดเฉพาะอย่างหรือความถนัดพิเศษ (Specific
Aptitude Test) หมายถึงแบบทดสอบวัดความถนัดที่เกี่ยวกับอาชีพหรือความสามารถพิเศษที่นอกเหนือจากความสามารถด้านวิชาการ
เช่นความถนัดเชิงกล
ความถนัดทางด้านดนตรี
ศิลปะ
การแกะสลัก
กีฬา เป็นต้น
2.
3 แบบทดสอบด้วยวาจา ( Oral Test) เป็นแบบทดสอบที่ผู้สอบใช้การโต้ตอบด้วยวาจาแทนที่จะเป็นการเขียนตอบ หรือปฏิบัติ เช่น การสอบสัมภาษณ์ การสอบท่องจำ เป็นต้น
5. จำแนกตามเวลาที่กำหนดให้ตอบ จำแนกได้ 2 ประเภท ดังนี้
5. 1 แบบทดสอบวัดความเร็ว ( Speed Test) เป็น แบบทดสอบที่มุ่งวัดทักษะความคล่องแคล่วในการคิด ความแม่นยำในการรู้เป็นสำคัญ แบบทดสอบประเภทนี้มักมีลักษณะค่อนข้างง่ายแต่มีจำนวนข้อมาก และให้เวลาทำน้อย ใครทำเสร็จก่อนและถูกต้องมากที่สุดถือว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด
5. 2 แบบทดสอบวัดความสามารถสูงสุด ( Power Test) มี ลักษณะค่อนข้างยากและให้เวลาทำมากเพียงพอในการตอบ เป็นการสอบวัดความสามารถในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยให้เวลา ผู้สอบทำจนสุดความสามารถ หรือจนกระทั่งทุกคนทำเสร็จ เช่น การให้ค้นคว้ารายงาน การทำวิทยานิพนธ์ หรือข้อสอบอัตนัยบางอย่างก็อนุโลมจัดอยู่ในประเภทนี้ได้
การสร้างและคุณภาพของแบบทดสอบ
ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบวัดความรู้ แบ่งเป็น 6 ขั้นตอน 1. กำหนดเนื้อหาและพฤติกรรมที่ต้องการวัด 2. เลือกชนิดและรูปแบบคำถาม 3. เขียน(ร่าง)ข้อคำถาม 4. จัดเรียงทำและทำรูปเล่ม 5. ตรวจ ปรับปรุง แก้ไข 6.
2 แบบทดสอบวัดความสนใจ อาชีพ
2. 3 แบบทดสอบวัดการปรับตัว ความมั่นใจ
3. จำแนกตามรูปแบบคำถามและวิธีการตอบ จำแนกได้ 3 ประเภท ดังนี้
3. 1 แบบทดสอบอัตนัย ( Subjective Test) แบบ ทดสอบประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้ตอบได้ตอบยาว ๆ แสดงความคิดเห็นเต็มที่ ผู้สอบมีความรู้ในเนื้อหานั้นมากน้อยเพียงไรก็เขียนออกมาให้หมดภายในเวลาที่ กำหนดให้
3. 2 แบบทดสอบปรนัย ( Objective Test) เป็น แบบทดสอบที่มุ่งให้ผู้สอบตอบ สั้น ๆ ในแต่ละข้อวัดความสามารถเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว ได้แก่ แบบทดสอบแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
3. 1 แบบถูกผิด ( True - False)
3. 2 แบบเติมคำ (Completion)
3. 3 แบบจับคู่ (Matching)
3. 4 แบบเลือกตอบ ( Multiple Choices)
4. จำแนกตามลักษณะการตอบ จำแนกได้ 3 ประเภท ดังนี้
4. 1 แบบทดสอบภาคปฏิบัติ ( Performance Test) ได้แก่ ข้อสอบภาคปฏิบัติทั้งหลาย เช่น วิชาพลศึกษา ให้แสดงท่าทางประกอบเพลง วิชาหัตถศึกษาให้ประดิษฐ์ของใช้ด้วยเศษวัสดุ ให้ทำอาหารในวิชา คหกรรมศาสตร์ เป็นต้น
4. 2 แบบทดสอบเขียนตอบ ( Paper- Pencil Test) เป็น แบบทดสอบที่ใช้การเขียนตอบทุกชนิด ได้แก่ แบบทดสอบปรนัย และอัตนัยที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในโรงเรียน รวมทั้งการเขียนรายงานซึ่งต้องใช้กระดาษ ดินสอ หรือปากกาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสอบ
4.
- หั่น ผัก ภาษา อังกฤษ
- การอํานวยการยุทธ
- พระ ขุนแผน เนื้อ ขาว 1/2 ราคา